ออกกำลังกายมานานแต่ทำไมไขมันหน้าท้องไม่ยุบ

ออกกำลังกายลดพุง

หน้าท้องใหญ่ มีพุง (visceral fat) จับแล้วเป็นก้อนไขมันทำเอาปวดหัวและเสียความมั่นใจ แม้ว่าจะมีรูปร่างเล็ก ผอมเพรียวแต่ก็ยังมี “พุง” อุ่นๆ คอยโอบกอดบริเวณเอวอยู่ดี พุงหรือไขมันหน้าท้องเรียกว่าเป็นชั้นไขมันที่สลายได้ยากแม้จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ตาม

สาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันหน้าท้อง

1. อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

ไขมันอิ่มตัวสูง (Saturated fat) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ช่วยในการยึดเหนี่ยวโมเลกุลอะตอม ไขมันอิ่มตัวสามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่นๆ

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าควรจำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัวให้น้อยกว่า 10% ของพลังงานทั้งหมดที่รับประทานในแต่ละวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น

  • เนย
  • ชีส
  • นม
  • โยเกิร์ต
  • ไข่แดง
  • เนื้อแดง
  • เนื้อสัตว์แปรรูป
  • ผลิตภัณฑ์จากนม
  • น้ำมันมะพร้าว
  • น้ำมันปาล์ม
  • น้ำมันกล้วย

ไขมันทรานส์ (Trans fat) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oil) ให้กับน้ำมันพืช ซึ่งทำให้น้ำมันพืชกลายเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ไขมันทรานส์พบได้ในอาหารแปรรูปหลายชนิด เช่น 

  • อาหารทอด 
  • อาหารสำเร็จรูป 
  • อาหารแช่แข็ง 
  • เบเกอรี่ ที่มีส่วนผสมของเนยเทียม มาร์การีน 

ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะสามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่นๆ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้จำกัดการบริโภคไขมันทรานส์ให้น้อยกว่า 1% ของพลังงานทั้งหมดที่รับประทานในแต่ละวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Monosaccharide) ประกอบด้วยโมเลกุลน้ำตาลเดี่ยว 1 โมเลกุล คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวพบได้ในผลไม้ น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม น้ำตาลทราย นม น้ำผลไม้ ผัก และธัญพืชบางชนิด

คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวสามารถย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ

คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว คืออะไร

  • กลูโคส
  • ฟรุกโตส
  • กาแลคโตส
  • มอลโทส
  • ซูโครส

อย่างไรก็ตามคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Monosaccharide) ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการ 

  • เป็นสารอาหารหลักที่ร่างกายต้องการและเป็นแหล่งพลังงาน
  • ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี
  • ช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์
  • ช่วยในการเผาผลาญไขมัน

2. ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย

การเคลื่อนไหวร่างกายน้อยทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยก็ทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้เช่นกัน การออกกำลังกายที่ดีที่สุดในการลดไขมันหน้าท้องคือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและหายใจแรงขึ้น เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นรำ และกระโดดเชือก การออกกำลังกายรูปแบบนี้จะช่วยเผาผลาญแคลอรีและไขมันในร่างกายได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้

การออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อก็มีความสำคัญเช่นกัน การออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นแม้ในขณะที่คุณไม่ได้ออกกำลังกาย ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อ ได้แก่ ยกน้ำหนัก โยคะ และพิลาทิส

วิธีการวัดไขมันในช่องท้อง

  1. วัดรอบเอวของคุณ ผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 40 นิ้ว และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ว มีความเสี่ยงในการสะสมไขมันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
  2. คำนวนด้วยวิธีการวัดรอบเอวและรอบสะโพก แล้วนำค่าที่ได้มาหารกันเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์
    • ผู้หญิงไม่ควรได้ผลการคำนวนมากกว่า 0.80
    • ผู้ชายไม่ครได้ผลการคำนวนมากกว่า 0.95
  3. การวัดความหนาของพังผืดใต้ผิวหนังสามารถทำได้ด้วยเครื่องวัดไขมันในร่างกาย เครื่องมือนี้ใช้คลื่นเสียงเพื่อวัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง
  4. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และเครื่องเอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นวิธีการวัดไขมันในช่องท้องที่แม่นยำที่สุด อย่างไรก็ตาม วิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการตรวจที่แพงและอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
วิธีวัดไขมันช่องท้อง

วิธีลดไขมันหน้าท้อง

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันดีสูง ไฟเบอร์สูง และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนสูง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ : ออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
  • นอนหลับให้เพียงพอ : นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • จัดการความเครียด : หาวิธีจัดการความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฝึกโยคะ ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับเพื่อน

ปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการกำจัดไขมัน

1. เข้ารับการผ่าตัด

การผ่าตัดเพื่อลดไขมันหน้าท้อง (Tummy Tuck) เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมัน ผิวหนังส่วนเกิน และแก้ไขผนังหน้าท้องที่หย่อนยาน อาจขึ้นเกิดหลังจากการตั้งครรภ์หรือการลดน้ำหนัก การผ่าตัดจะทำให้หน้าท้องดูเรียบและตึงขึ้นและยังสามารถกำจัดผิวหนังที่แตกลายบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าสะดือได้อีกด้วย

การผ่าตัดลดไขมันหน้าท้องเป็นการผ่าตัดใหญ่ การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง การผ่าตัดจะดำเนินการภายใต้การดมยาสลบทั่วไป การผ่าตัดจะเริ่มต้นด้วยการกรีดบริเวณหน้าท้อง แพทย์จะกำจัดไขมัน ผิวหนังส่วนเกิน และแก้ไขผนังหน้าท้อง จากนั้นแพทย์จะเย็บแผลปิด

การผ่าตัดลดไขมันหน้าท้องเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงหากไม่ได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น

  • การติดเชื้อ
  • เลือดออก
  • เลือดคั่ง
  • รอยแผลเป็น
  • ความไม่สม่ำเสมอของผิวหนัง
  • หน้าท้องหย่อนยานซ้ำ

การผ่าตัดลดไขมันหน้าท้องเป็นการผ่าตัดที่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน สามารถทำให้หน้าท้องดูเรียบและตึงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยง ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำการผ่าตัด

2. การดูดไขมัน

ดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction) เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินจากหน้าท้อง การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง การผ่าตัดจะดำเนินการภายใต้การดมยาสลบทั่วไป การผ่าตัดจะเริ่มต้นด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณหน้าท้อง จากนั้นแพทย์จะใช้ท่อขนาดเล็กที่มีหัวดูดไขมันขนาดเล็กปลายแหลม เจาะเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังและดูดไขมันออก การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นแพทย์จะเย็บแผลปิด

ดูดไขมันหน้าท้องที่ไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเสี่ยง เช่น

  • เลือดออก
  • การติดเชื้อ
  • ความไม่สม่ำเสมอของผิวหนัง
  • บวมช้ำ
  • รอยแผลเป็น

3. สลายไขมันด้วย Morpheus8 

Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการสลายไขมันหน้าท้อง เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้กำจัดไขมันส่วนเกินจากหน้าท้องได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งจะช่วยทำให้หน้าท้องดูเรียบและกระชับขึ้น โดยอาศัยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ในการสลายไขมัน คลื่นวิทยุจะเข้าไปทำลายเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกาย โดยคลื่นวิทยุจะส่งผ่านไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้ไม่เกิดรอยแผลเป็น

Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการสลายไขมันหน้าท้อง เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ผู้ที่ต้องการให้หน้าท้องดูเรียบและกระชับขึ้น ผลลัพธ์ของการรักษาจะเห็นได้ชัดเจนภายใน 2-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานหลายปี

The Venisia Clinic การลดไขมันหน้าท้องต้องอาศัยความพยายามอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาและวินัย ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในทันที แต่หากทำอย่างสม่ำเสมอ คุณจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

Similar Posts